การเผชิญหน้าอันยิ่งใหญ่ระหว่างสองสโมสรยักษ์ใหญ่ของอังกฤษอย่างลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ศึกแดงเดือด" นั้นเป็นหนึ่งในเกมการแข่งขันที่ได้รับความนิยมและตื่นเต้นที่สุดในโลกของฟุตบอล
ศึกแดงเดือดมีประวัติศาสตร์อันยาวนานย้อนไปถึงศตวรรษที่ 19 โดยการพบกันครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 1894 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีการแข่งขันกันมากกว่า 230 ครั้งในทุกรายการ และการต่อสู้เพื่อแย่งชิงความเป็นหนึ่งระหว่างสองเมืองคู่ปรับอย่างลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ก็กลายเป็นตัวแทนของความขัดแย้งที่ลึกซึ้งระหว่างสองภูมิภาคของอังกฤษ
ความสำคัญของศึกแดงเดือดนั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสนามฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังแผ่ขยายไปถึงวัฒนธรรมและสังคมที่กว้างขึ้นอีกด้วย แฟนบอลทั้งสองทีมมักจะมองการแข่งขันครั้งนี้ว่าเป็นการต่อสู้เพื่อเกียรติยศและความภาคภูมิใจ โดยการแข่งขันที่ดุเดือดและการแข่งขันที่เข้มข้นนั้นเป็นที่รู้จักกันดีในทั้งสองสโมสร
ตลอดประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมีสถิติที่ดีกว่าเล็กน้อย โดยชนะ 81 ครั้งจาก 236 ครั้ง ขณะที่ลิเวอร์พูลชนะ 79 ครั้งและเสมอกัน 76 ครั้ง
สถิติการแข่งขันโดยรวม
ทีม | ชนะ | แพ้ | เสมอ |
---|---|---|---|
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด | 81 | 79 | 76 |
ลิเวอร์พูล | 79 | 81 | 76 |
ผู้ทำประตูสูงสุดในศึกแดงเดือด
ผู้เล่น | ประตู |
---|---|
สตีเวน เจอร์ราร์ด | 9 |
เวย์น รูนีย์ | 9 |
โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ | 5 |
สถิติที่น่าสนใจ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ศึกแดงเดือดได้สร้างช่วงเวลาอันน่าจดจำมากมายสำหรับแฟนบอลทั้งสองฝ่าย ต่อไปนี้คือบางส่วนของเกมที่โดดเด่นที่สุด:
ในปัจจุบัน ศึกแดงเดือดยังคงเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่สำคัญที่สุดในปฏิทินฟุตบอลโลก โดยทั้งสองทีมต่างก็ต่อสู้เพื่อแย่งชิงความเป็นหนึ่งในพรีเมียร์ลีก
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลได้ครองความเหนือกว่าเหนือแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด โดยชนะ 5 จาก 7 การแข่งขันล่าสุด อย่างไรก็ตาม แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นทีมเดียวที่เอาชนะลิเวอร์พูลได้ในรอบชิงชนะเลิศถ้วยที่สำคัญ โดยเอาชนะในจุดโทษในรอบชิงชนะเลิศยูโรปาลีกปี 2016
การแข่งขันครั้งล่าสุดระหว่างสองทีมจบลงด้วยการเสมอกัน 2-2 เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2023 โดยลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายออกนำก่อน 2-0 แต่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดสามารถตามตีเสมอได้ในช่วงท้ายเกม
ศึกแดงเดือดยังคงเป็นหนึ่งในเกมการแข่งขันที่ได้รับความนิยมและน่าตื่นเต้นที่สุดในโลกของฟุตบอล และการแข่งขันครั้งต่อๆ ไปก็จะยิ่งเป็นที่จับตามองอย่างแน่นอน
ทั้งสองทีมต่างก็อยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลง โดยลิเวอร์พูลแต่งตั้งเจอร์เก้น คล็อปป์เป็นผู้จัดการทีม และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแต่งตั้งเอริก เทน ฮากเป็นผู้จัดการทีม
อนาคตของศึกแดงเดือดนั้นยังไม่แน่นอน แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดก็คือว่าการต่อสู้นี้จะยังคงดำเนินต่อไปเป็นเวลาหลายปีที่จะมาถึง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลได้กลายเป็นหนึ่งในทีมที่ดียที่สุดในโลก โดยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และลีกคัพ
ปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของลิเวอร์พูลนั้นรวมถึง:
ในทางตรงกันข้าม แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้พบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยล้มเหลวในการคว้าถ้วยรางวัลใดๆ ตั้งแต่ปี 2017
ความท้าทายที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเผชิญนั้นรวมถึง:
ลิเวอร์พูล
**แมนเช
2024-08-01 02:38:21 UTC
2024-08-08 02:55:35 UTC
2024-08-07 02:55:36 UTC
2024-08-25 14:01:07 UTC
2024-08-25 14:01:51 UTC
2024-08-15 08:10:25 UTC
2024-08-12 08:10:05 UTC
2024-08-13 08:10:18 UTC
2024-08-01 02:37:48 UTC
2024-08-05 03:39:51 UTC
2024-09-08 18:24:59 UTC
2024-09-08 18:25:28 UTC
2024-09-05 22:40:16 UTC
2024-09-05 22:40:38 UTC
2024-09-04 10:49:03 UTC
2024-09-04 10:49:32 UTC
2024-09-06 05:20:34 UTC
2024-09-06 05:20:59 UTC
2024-10-19 01:33:05 UTC
2024-10-19 01:33:04 UTC
2024-10-19 01:33:04 UTC
2024-10-19 01:33:01 UTC
2024-10-19 01:33:00 UTC
2024-10-19 01:32:58 UTC
2024-10-19 01:32:58 UTC