Position:home  

อาการแพ้เหงื่อตัวเอง: วิธีรับมือและรักษาให้อยู่หมัด

อาการแพ้เหงื่อตัวเอง (Cholinergic urticaria) เป็นอาการผิดปกติของผิวหนังที่พบได้ไม่บ่อย โดยผู้ป่วยจะมีผื่นขึ้นเมื่อร่างกายเจอกับอุณหภูมิสูง เหงื่อออก หรือเกิดความเครียด สถิติจากสมาคมโรคผิวหนังแห่งสหรัฐอเมริกาพบว่า 30% ของคนอเมริกันมีอาการนี้ โดยอาการจะปรากฏในวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้นและอาจคงอยู่ได้หลายปี

สาเหตุของอาการแพ้เหงื่อตัวเอง

สาเหตุที่แท้จริงของอาการแพ้เหงื่อตัวเองยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ตอบสนองต่อเหงื่ออย่างผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากการที่ร่างกายผลิตแอนติบอดีที่ต่อต้านโปรตีนในเหงื่อ ทำให้เกิดผื่นขึ้นเมื่อร่างกายสัมผัสกับเหงื่อ

อาการของอาการแพ้เหงื่อตัวเอง

อาการที่พบบ่อยของอาการแพ้เหงื่อตัวเอง ได้แก่:

วิธีรักษา อาการแพ้เหงื่อตัวเอง

  • ผื่นคันสีแดงหรือสีขาวขนาดเล็ก
  • ผื่นอาจมีขนาดใหญ่ขึ้นแล้วรวมตัวกันเป็นผื่นแพ้ขนาดใหญ่
  • อาการคัน
  • แสบร้อน
  • บวม
  • วิงเวียนศีรษะหรือเป็นลม (ในกรณีรุนแรง)

ปัจจัยกระตุ้นอาการแพ้เหงื่อตัวเอง

ปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้เหงื่อตัวเอง ได้แก่:

  • อุณหภูมิสูง
  • เหงื่อออก
  • ความเครียด
  • การออกกำลังกาย
  • อาบน้ำร้อน
  • อาหารบางชนิด (เช่น อาหารรสเผ็ด)
  • เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์

การวินิจฉัยอาการแพ้เหงื่อตัวเอง

แพทย์จะวินิจฉัยอาการแพ้เหงื่อตัวเองโดยพิจารณาจากประวัติอาการ อาการที่ปรากฏ และการตรวจร่างกาย แพทย์อาจทำการทดสอบการกระตุ้นด้วยเหงื่อ (sweat challenge test) โดยให้ผู้ป่วยอยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิสูงเพื่อกระตุ้นให้เหงื่อออก แล้วสังเกตว่าเกิดผื่นขึ้นหรือไม่

การรักษาอาการแพ้เหงื่อตัวเอง

การรักษาอาการแพ้เหงื่อตัวเองมีเป้าหมายเพื่อลดอาการและป้องกันการเกิดผื่นขึ้น วิธีการรักษาอาจรวมถึง:

อาการแพ้เหงื่อตัวเอง: วิธีรับมือและรักษาให้อยู่หมัด

ยาแก้แพ้

ยาแก้แพ้ เช่น ยาแก้แพ้ชนิดรับประทาน (antihistamines) ยาแก้แพ้ชนิดทา (antihistamine cream) และ ยาแก้แพ้ชนิดฉีด (antihistamine injection) สามารถช่วยลดอาการคัน บวม และผื่น

ยากดภูมิคุ้มกัน

ยาบางชนิดที่ช่วยกดระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ยา cyclosporine และ ยา azathioprine สามารถใช้รักษาอาการแพ้เหงื่อตัวเองได้ แต่ยาเหล่านี้มีผลข้างเคียงที่รุนแรง จึงควรใช้เฉพาะในกรณีที่จำเป็น

สาเหตุของอาการแพ้เหงื่อตัวเอง

การรักษาด้วยแสง (phototherapy)

การรักษาด้วยแสงบางชนิด เช่น การรักษาด้วยแสงอัลตราไวโอเลตบี (UVB) สามารถช่วยปรับเปลี่ยนระบบภูมิคุ้มกันและลดอาการแพ้เหงื่อตัวเองได้

วิธีการปฏิบัติตน

วิธีการปฏิบัติตนที่สามารถช่วยลดอาการแพ้เหงื่อตัวเอง ได้แก่:

  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก
  • อาบน้ำเย็น
  • สวมเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าระบายอากาศ
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่ระคายเคือง

ประโยชน์ของการรักษาอาการแพ้เหงื่อตัวเอง

การรักษาอาการแพ้เหงื่อตัวเองสามารถช่วย:

  • ลดอาการคัน บวม และผื่น
  • ป้องกันการเกิดผื่นใหม่
  • ปรับปรุงคุณภาพชีวิต

ข้อควรระวังของการรักษาอาการแพ้เหงื่อตัวเอง

การรักษาอาการแพ้เหงื่อตัวเองอาจมีข้อควรระวังบางประการ ได้แก่:

  • ผลข้างเคียงของยา: ยาบางชนิดที่ใช้รักษาอาการแพ้เหงื่อตัวเองอาจมีผลข้างเคียง เช่น ง่วงนอน ปวดหัว และเวียนศีรษะ
  • การดื้อยา: หากใช้ยาแก้แพ้เป็นเวลานาน ร่างกายอาจดื้อยาได้ ทำให้อาการไม่ดีขึ้น
  • การรักษาไม่หายขาด: การรักษาอาการแพ้เหงื่อตัวเองอาจทำให้อาการดีขึ้น แต่ไม่สามารถรักษาให้อาการหายขาดได้ จึงจำเป็นต้องรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมอาการ

คำถามที่พบบ่อย

1. อาการแพ้เหงื่อตัวเองอาการเป็นอย่างไร?

อาการแพ้เหงื่อตัวเองมีลักษณะเป็นผื่นคันสีแดงหรือสีขาวขนาดเล็ก ซึ่งอาจใหญ่ขึ้นและรวมตัวกันเป็นผื่นแพ้ขนาดใหญ่

2. อะไรเป็นสาเหตุของอาการแพ้เหงื่อตัวเอง?

สาเหตุของอาการแพ้เหงื่อตัวเองยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อเหงื่ออย่างผิดปกติ

3. การรักษาอาการแพ้เหงื่อตัวเองมีวิธีใดบ้าง?

การรักษาอาการแพ้เหงื่อตัวเองมีหลายวิธี โดยแพทย์จะเลือกวิธีที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ได้แก่ ยาแก้แพ้ ยากดภูมิคุ้มกัน การรักษาด้วยแสง และวิธีการปฏิบัติตน

ยาแก้แพ้ชนิดรับประทาน (antihistamines)

4. วิธีการปฏิบัติตนอย่างไรเพื่อลดอาการแพ้เหงื่อตัวเอง?

วิธีการปฏิบัติตนที่สามารถช่วยลดอาการแพ้เหงื่อตัวเอง ได้แก่ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง ออกกำลังกายไม่หนักเกินไป อาบน้ำเย็น สวมเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าระบายอากาศ และใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่ระคายเคือง

5. การรักษาอาการแพ้เหงื่อตัวเองสามารถหายขาดได้หรือไม่?

การรักษาอาการแพ้เหงื่อตัวเองอาจทำให้อาการดีขึ้น แต่ไม่สามารถรักษาให้อาการหายขาดได้ จึงจำเป็นต้องรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมอาการ

6. ควรพบแพทย์เมื่อใด?

หากคุณมีผื่นขึ้นเมื่อเหงื่อออกหรือสัมผัสกับอุณหภูมิสูง ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างเหมาะสม

7. มีอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้เหงื่อตัวเองหรือไม่?

อาหารบางชนิด เช่น อาหารรสเผ็ด อาหารที่มีสารประกอบ histamines และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ อาจกระตุ้นให้อาการแพ้เหงื่อตัวเองกำเริบได้

8. มีวิธีป้องกันอาการแพ้เหงื่อตัวเองหรือไม่?

เนื่องจากสาเหตุของอาการแพ้เหงื่อตัวเองยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด จึงยังไม่มีวิธีป้องกันที่แน่นอน แต่การหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นและใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยนอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผื่นขึ้นได้

สรุป

อาการแพ้เหงื่อตัวเองเป็นอาการผิดปกติของผิวหนังที่พบได้ไม่บ่อย ซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง แต่ก็สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้ การรักษาและปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมสามารถช่วยลดอาการและป้องกันการเกิดผื่นขึ้นได้ หากคุณมีอาการแพ้เหงื่อตัวเอง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกต้อง

newthai   

TOP 10
Don't miss