ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้วที่เรือไม้เป็นยานพาหนะที่ใช้ในการประมงของชาวไทย โดยมีการใช้ไม้เนื้อแข็งจากป่าดิบชื้นของไทยมาต่อเป็นเรือ ซึ่งสามารถล่องแล่นได้ทั้งในแม่น้ำ ทะเลสาบ และทะเล จำนวนเรือไม้หาปลามีมากถึง 80% ของเรือประมงทั้งหมดในไทย และยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำมาหากินของชาวประมงไทยจำนวนมาก
การทำประมงด้วยเรือไม้ในไทยมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่าหลายร้อยปี จากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่ามีการใช้เรือไม้ในการทำประมงตั้งแต่สมัยอาณาจักรอยุธยา โดยเรือไม้ในสมัยนั้นมีขนาดเล็ก ใช้ใบเรือในการแล่น และมีการใช้เครื่องมือจับปลาแบบพื้นบ้าน เช่น อวน ย敷 แห เป็นต้น
ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ มีการพัฒนาเทคนิควิธีการทำประมงด้วยเรือไม้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีการนำเทคโนโลยีจากต่างประเทศมาใช้ เช่น เครื่องยนต์ เรือกลไฟ และอุปกรณ์จับปลาที่ทันสมัยกว่าเดิม
ในปัจจุบัน เรือไม้หาปลาของไทยมีการพัฒนาไปมาก ทั้งในด้านการออกแบบและเทคโนโลยีที่ใช้ โดยมีการนำวัสดุที่ทนทานกว่าไม้มาใช้ในการต่อเรือ เช่น ไฟเบอร์กลาส และอลูมิเนียม และมีการติดตั้งเครื่องยนต์ที่ทรงพลังขึ้น เพื่อเพิ่มความเร็วและระยะการล่องเรือ
เรือไม้หาปลาในไทยมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับชนิดของปลาที่จับ ขนาดของเรือ และพื้นที่ในการทำประมง โดยประเภทของเรือไม้หาปลาที่สำคัญ ได้แก่
เรืออวนลากเป็นเรือขนาดใหญ่ที่มีความยาวประมาณ 20-30 เมตร ใช้ในการจับปลาที่อยู่บริเวณใต้มหาสมุทร โดยการลากอวนขนาดใหญ่ที่ด้านหลังเรือ อวนจะกวาดเอาปลาและสัตว์ทะเลอื่นๆ ขึ้นมาบนเรือ เรืออวนลากสามารถจับปลาได้ครั้งละมาก แต่ก็มีข้อเสียคือทำลายระบบนิเวศน์ใต้ทะเลได้
เรือปั่นเป็นเรือขนาดกลางที่มีความยาวประมาณ 10-15 เมตร ใช้ในการจับปลาที่อยู่บริเวณกลางน้ำ โดยการใช้เครื่องยนต์เรือปั่นน้ำให้เกิดกระแสน้ำวน แล้วใช้แทงเพื่อจับปลาที่ติดมาในกระแสน้ำวน เรือปั่นสามารถจับปลาได้ปริมาณไม่มากนัก แต่มีความยั่งยืนทางระบบนิเวศน์มากกว่าเรืออวนลาก
เรือราวเป็นเรือขนาดเล็กที่มีความยาวประมาณ 5-10 เมตร ใช้ในการจับปลาที่อยู่บริเวณชายฝั่ง โดยการวางอวนที่ติดกับทุ่นลอยน้ำ เมื่อปลาติดอวนก็จะยกขึ้นมาบนเรือ เรือราวเป็นเรือที่จับปลาได้ปริมาณน้อย แต่มีความยั่งยืนทางระบบนิเวศน์สูง
เทคนิควิธีการทำประมงด้วยเรือไม้ขึ้นอยู่กับชนิดของปลาที่จับและพื้นที่ในการทำประมง โดยเทคนิควิธีการที่นิยมใช้ ได้แก่
การลากอวนเป็นวิธีการจับปลาโดยการลากอวนขนาดใหญ่ที่ด้านหลังเรือ อวนจะกวาดเอาปลาและสัตว์ทะเลอื่นๆ ขึ้นมาบนเรือ วิธีการนี้ใช้ในการจับปลาที่อยู่บริเวณใต้มหาสมุทร เช่น ปลาทู ปลาทูน่า ปลาหมึก
การใช้เบ็ดราวเป็นวิธีการจับปลาโดยการวางเบ็ดจำนวนมากไว้ที่ราวบนเรือ เมื่อปลาติดเบ็ดก็จะยกขึ้นมาบนเรือ วิธีการนี้ใช้ในการจับปลาที่อยู่บริเวณกลางน้ำ เช่น ปลาเก๋า ปลาโฉมงาม ปลาอินทรี
การวางอวนลอยเป็นวิธีการจับปลาโดยการวางอวนที่ติดกับทุ่นลอยน้ำ เมื่อปลาติดอวนก็จะยกขึ้นมาบนเรือ วิธีการนี้ใช้ในการจับปลาที่อยู่บริเวณชายฝั่ง เช่น ปลากระพง ปลาเก๋า ปลาทราย
การทำประมงด้วยเรือไม้ในไทยประสบปัญหาและอุปสรรคหลายประการ ได้แก่
การทำประมงด้วยเรือไม้ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก แต่ในปัจจุบันมีการขาดแคลนแรงงานประมงอย่างรุนแรง เนื่องจากงานประมงเป็นงานที่เสี่ยงอันตราย มีรายได้ไม่แน่นอน และต้องอยู่ห่างบ้านเป็นเวลานาน
เรือไม้ใช้เชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน เมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้นก็ส่งผลให้ต้นทุนในการทำประมงสูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้ชาวประมงมีรายได้ลดลง
การทำประมงผิดกฎหมายเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการทำประมงด้วยเรือไม้ เนื่องจากเรือประมงผิดกฎหมายจะใช้เครื่องมือจับปลาที่ผิดกฎหมาย ทำลายระบบนิเวศน์ และแย่งชิงทรัพยากรจากชาวประมงที่ทำประมงอย่างถูกกฎหมาย
รัฐบาลและกรมประมงได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาของการทำประมงด้วยเรือไม้ โดยมีแนวทาง ดังนี้
กรมประมงส่งเสริมการใช้แรงงานทดแทน เช่น เครื่องมือจับปลาอัตโนมัติ เพื่อลดการพึ่งพาแรงงานคน
รัฐบาลอุดหนุนราคาน้ำมันให้กับชาวประมง เพื่อลดต้นทุนในการทำประมง
กรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อให้การทำประมงมีความยั่งยืน
แม้ว่าจะมีปัญหาและอุปสรรคหลายประการ แต่เรือไม้หาปลายังคงเป็นส่วนสำคัญของภาคประมงไทย โดยคาดการณ์ว่าในอนาคตจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีและวิธีการทำประมงด้วยเรือไม้ให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น เช่น การใช้เครื่องมือจับปลาที่เลือกจับเฉพาะปลาที่ต้องการ และการใช้ระบบติดตามเรือเพื่อป้องกันการทำประมงผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ความยั่งยืนของการทำประมงด้วยเรือไม้ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งชาวประมง รัฐบาล และผู้บริโภค ในการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า และปกป้องระบบนิเวศน์ทางทะเล
ปี | จำนวนเรือ (ลำ) |
---|---|
2556 | 90,000 |
2557 | 85,000 |
2558 | 80,000 |
2559 | 75,000 |
2560 | 70,000 |
ข้อมูลจากกรมประมง
ปี | มูลค่าการส่งออก (บาท) |
---|---|
2556 | 250,000 ล้านบาท |
2557 | 260,000 ล้านบาท |
2558 | 270,000 ล้านบาท |
2559 | 280,000 ล้านบาท |
2560 | 290,000 ล้านบาท |
ข้อมูลจากกรมศุลกากร
| พื้นที่ |
2024-08-01 02:38:21 UTC
2024-08-08 02:55:35 UTC
2024-08-07 02:55:36 UTC
2024-08-25 14:01:07 UTC
2024-08-25 14:01:51 UTC
2024-08-15 08:10:25 UTC
2024-08-12 08:10:05 UTC
2024-08-13 08:10:18 UTC
2024-08-01 02:37:48 UTC
2024-08-05 03:39:51 UTC
2024-09-08 18:10:24 UTC
2024-09-08 18:10:40 UTC
2024-09-08 18:37:31 UTC
2024-09-08 18:37:59 UTC
2024-09-04 23:10:44 UTC
2024-09-04 23:11:12 UTC
2024-09-07 14:32:13 UTC
2024-09-07 14:32:39 UTC
2024-10-19 01:33:05 UTC
2024-10-19 01:33:04 UTC
2024-10-19 01:33:04 UTC
2024-10-19 01:33:01 UTC
2024-10-19 01:33:00 UTC
2024-10-19 01:32:58 UTC
2024-10-19 01:32:58 UTC