เวฟ 888 เป็นแนวคิดความเชื่อที่ว่ามีรูปแบบที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในตลาดหุ้น โดยสามารถใช้เพื่อทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต แนวคิดนี้ได้รับการพัฒนาโดยราล์ฟ เนลสัน เอลเลียต ในช่วงทศวรรษ 1930
รูปแบบคลื่นของเวฟ 888 ประกอบด้วยแปดคลื่น ซึ่งแบ่งออกเป็นห้าคลื่นแรก (impulse wave) และสามคลื่นปฏิกริยา (corrective wave) ดังนี้
คลื่นที่ 1, 3 และ 5: เป็นคลื่นที่มีแนวโน้มขาขึ้น หรือขาลง ซึ่งมักจะเคลื่อนที่เร็วและไกลกว่าคลื่นอื่นๆ
คลื่นที่ 2 และ 4: เป็นคลื่นปฏิกริยาที่เคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับคลื่นก่อนหน้า มักจะใช้เวลาสั้นและเคลื่อนไหวได้ไม่แรงเท่าคลื่น impulse wave
คลื่น A, B และ C: เป็นคลื่นปฏิกริยาที่เกิดขึ้นหลังจากคลื่นที่ 5 โดยคลื่น A จะเป็นคลื่นปฏิกริยาที่ใหญ่ที่สุด และคลื่น C จะเป็นคลื่นปฏิกริยาที่เล็กที่สุด
นักวิเคราะห์เทคนิคใช้รูปแบบคลื่นของเวฟ 888 เพื่อทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต โดยการระบุจุดที่คลื่นต่างๆ กำลังเกิดขึ้น พวกเขาสามารถคาดการณ์ได้ว่าราคาจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อจากนั้น
ตัวอย่างเช่น หากนักวิเคราะห์เทคนิคระบุว่าคลื่นที่ 5 กำลังเกิดขึ้น พวกเขาอาจคาดการณ์ว่าราคาจะยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นต่อไป อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาพบว่าคลื่น A กำลังเกิดขึ้น พวกเขาอาจคาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนไหวในทิศทางขาลง
แม้ว่าการวิเคราะห์คลื่นเวฟ 888 จะสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับนักลงทุน แต่ก็ควรระมัดระวังในการตีความรูปแบบคลื่นเหล่านี้ เนื่องจากรูปแบบคลื่นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และไม่ใช่เครื่องมือทำนายราคาที่สมบูรณ์แบบ
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ที่แตกต่างกันอาจมีการตีความรูปแบบคลื่นที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การคาดการณ์ที่แตกต่างกัน
นักลงทุนคนหนึ่งใช้การวิเคราะห์คลื่นเวฟ 888 เพื่อซื้อหุ้นบริษัท A เมื่อคลื่นที่ 3 กำลังเกิดขึ้น เขาทำกำไรมหาศาลเมื่อหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
นักลงทุนอีกคนหนึ่งใช้การวิเคราะห์คลื่นเวฟ 888 เพื่อขายหุ้นบริษัท B เมื่อคลื่น A กำลังเกิดขึ้น เขาช่วยตัวเองให้รอดจากการสูญเสียครั้งใหญ่เมื่อหุ้นปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว
คลื่น | ลักษณะ |
---|---|
คลื่นที่ 1 | คลื่นขาขึ้นหรือขาลงที่รวดเร็วและไกล |
คลื่นที่ 2 | คลื่นปฏิกริยาที่เคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับคลื่นที่ 1 |
คลื่นที่ 3 | คลื่นขาขึ้นหรือขาลงที่ไกลกว่าคลื่นที่ 1 |
คลื่นที่ 4 | คลื่นปฏิกริยาที่เคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับคลื่นที่ 3 |
คลื่นที่ 5 | คลื่นขาขึ้นหรือขาลงที่เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับคลื่นที่ 3 |
คลื่น A | คลื่นปฏิกริยาที่เป็นคลื่นแรกหลังจากคลื่นที่ 5 |
คลื่น B | คลื่นปฏิกริยาที่เคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับคลื่น A |
คลื่น C | คลื่นปฏิกริยาที่เป็นคลื่นสุดท้ายหลังจากคลื่นที่ 5 |
| ข้อดี |
|---|---|
| ช่วยให้ระบุจุดเข้าและออกของตลาดได้ |
| สามารถทำนายแนวโน้มของราคาในอนาคตได้ |
| สามารถช่วยจัดการความเสี่ยงได้ |
| สามารถใช้ได้กับตลาดหุ้นทุกประเภท |
| ข้อเสีย |
|---|---|
| มีความซับซ้อนและต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ |
| อาจเกิดการตีความผิดเกี่ยวกับรูปแบบคลื่นได้ |
| ไม่ใช่เครื่องมือทำนายราคาที่สมบูรณ์แบบ |
หากคุณสนใจที่จะใช้การวิเคราะห์คลื่นเวฟ 888 เพื่อการลงทุน คุณควรศึกษาค้นคว้าและฝึกฝนก่อน โดยมีแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์มากมายทางออนไลน์และในห้องสมุด
อย่างที่ราล์ฟ เนลสัน เอลเลียต กล่าวไว้ "ตลาดหุ้นคือตัวชีวัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดในโลก และคลื่นเวฟ 888 คือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา"
2024-08-01 02:38:21 UTC
2024-08-08 02:55:35 UTC
2024-08-07 02:55:36 UTC
2024-08-25 14:01:07 UTC
2024-08-25 14:01:51 UTC
2024-08-15 08:10:25 UTC
2024-08-12 08:10:05 UTC
2024-08-13 08:10:18 UTC
2024-08-01 02:37:48 UTC
2024-08-05 03:39:51 UTC
2024-09-04 10:22:06 UTC
2024-09-04 10:22:32 UTC
2024-09-05 13:05:34 UTC
2024-09-05 13:06:03 UTC
2024-09-06 22:01:32 UTC
2024-09-06 22:01:54 UTC
2024-09-05 14:15:50 UTC
2024-09-05 14:16:15 UTC
2024-10-19 01:33:05 UTC
2024-10-19 01:33:04 UTC
2024-10-19 01:33:04 UTC
2024-10-19 01:33:01 UTC
2024-10-19 01:33:00 UTC
2024-10-19 01:32:58 UTC
2024-10-19 01:32:58 UTC